การเลือกซื้อเครื่องรัดกล่อง
การเลือกซื้อเครื่องรัดกล่อง จะเป็นประโยชน์สำหรับหลายท่านที่สนใจจะซื้อเครื่องรัดสายรัดพลาสติก หรือเครื่องแพคบรรจุภัณฑ์ เพื่อใช้ในงานของตนเอง แต่เลือกไม่ถูกว่าจะเลือกสินค้าแบบไหน และรุ่นไหนดี เรามีข้อแนะนำดังนี้ (ข้อมูลมาจาก www.สายรัดพลาสติกไทย.com)
![]() |
![]() |
![]() |
1. ประเภทของเครื่องรัดกล่อง
|
เครื่องรัดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ เครื่องรัดแบบอัตโนมัติ (Automatic Packing Machine) การใช้งานจะเป็นการรัดแบบออโต้(ภาพขวามือสุด) ข้อดีคือ ใช้งานง่าย เพียงแค่วางสินค้าบนเครื่องรัด เครื่องก็จะทำการรัดสินค้าเองโดยอัตโนมัติไม่ต้องใช้มือเข้าไปจับสายรัด เหมาะสำหรับสินค้าที่มีขนาดเดียวกันที่ต้องการรัดอย่างรวดเร็ว ส่วนข้อเสียก็คือสินค้าที่ใช้แพคต้องมีขนาดเล็กกว่าคานอุโมงค์บนของเครื่อง และที่สำคัญราคาแพงพอสมควร เครื่องรัดอีกประเภทหนึ่งคือ เครื่องรัดแบบกึ่งอัตโนมัติ (semi-Automatic Packing Machine) เครื่องรัดประเภทนี้ก็ใช้งานง่ายเพียงแค่นำสินค้ามาวางบนเครื่อง ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถรัดได้ โดยใช้มือจับสายรัดสอดเข้าไปในเครื่อง ที่สำคัญราคาไม่แพงมาก และเป็นเครื่องที่ถูกนำมาใช้งานมากที่สุด |
2. การนำเข้าของเครื่องรัดสายรัด
เครื่องรัดที่ใช้ในงานบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจาก 3 ประเทศหลัก คือ ประเทศญี่ปุ่น ใต้หวัน และจีน คุณภาพก็เป็นไปตามลำดับดังกล่าว เครื่องรัดญี่ปุ่นจะมีราคาแพงสุด รองลงมาคือใต้หวัน เครื่องรัดใต้หวันจะถูกนำมาใช้กันแพร่หลายมาก เนื่องจากราคาจับต้องได้ ใช้งานทนทานพอสมควร ส่วนเครื่องรัดจากจีนราคาจะถูกสุด แต่วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็เป็นไปตามราคา
ปัญหาคือ มีผู้จำหน่ายหลายเจ้าได้นำเครื่องรัดจากจีนมาบอกกับลูกค้าว่าเป็นสินค้านำ เข้าจากประเทศใต้หวัน เพื่อขายให้ได้กำไร ซึ่งก็เป็นความยากสำหรับผู้บริโภคที่จะทราบได้
3. สภาพของเครื่องรัดสายรัด
การพิจารณาสภาพภายนอกของ เครื่องรัดให้ดูจาก โครงสร้างของเครื่อง เครื่องราคาถูกจะผลิตจากเหล็กที่บาง ฝาปิดเป็นเหล็กชุบโคเมียม หรือบางครั้งก็ปิดแผ่นสติ๊กเกอร์ ซึ่งจะเป็นสนิมง่าย ในขณะที่เครื่องญี่ปุ่นหรือใต้หวันจะเป็นแสตนเลสทำให้ไม่เป็นสนิม และมีความหนาดูแข็งแรง ส่วนการดูสภาพภายในของเครื่องก็คือการดูจากกลไกของเครื่องต่างๆ
|
สภาพกลไกภายในเครื่องรัด การ พิจารณาจากกลไกภายใน ให้ดูจากวัสดุภายในตัวเครื่องว่าดูมั่นคงแข็งแรง และมีส่วนใดที่สั่นคลอนหรือไม่ สภาพของน๊อตมีการคลายตัวหรือมีร่องรอยจากการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ |
![]() |
ลูกกลิ้งจับสายรัด
![]() |
ภาพซ้าย เป็นลูกกลิ้งสำหรับจับสายรัดพลาสติก ลูกกลิ้งอย่างดีจะเป็นเหล็กชุบแข็งเกรดดี เรียบ ผิวมัน ไม่เป็นสนิมง่าย มีหน้าที่กดและคลายสายรัดพลาสติกเพื่อให้สายวิ่งและหยุด |
เฟืองในล่อน
![]() |
![]() |
![]() |
อธิบายภาพ
|
–ภาพซ้าย เป็นภาพของเฟืองไนล่อน(Nylon) ผลิตจากเม็ดพลาสติก Nylon มีคุณสมบัติพิเศษคือ ทำให้วัสดุที่ได้มีความเหนียว แข็งแรง ทนต่อความร้อน น้ำมัน และสารเคมี (ข้อสังเกตุตัวเฟืองมักจะผลิตแบบให้ดูเรียบง่าย) –ภาพกลาง เป็นเฟืองพลาสติกธรรมดา (พบได้ในเครื่องรัดราคาถูก) ปัญหาของเฟืองประเภทนี้คือความเปราะ หักง่าย มักจะเกิดกับฟันเฟืองที่จะหักบ่อย และรูกลางของเฟืองที่สึกจากการรูดกับเพลา ส่วนใหญ่จะออกแบบให้รูปทรงดูสวยงาน –ภาพสุดท้าย เป็นภาพเปรียบเทียบอายุการใช้งานที่เท่ากัน แต่เฟืองไนล่อนยังมีสภาพที่สมบูรณ์ ในขณะที่เฟืองพลาสติกธรรมดาจะแตกหักง่าย |
ชุดเพลาขับ-ฮีตเตอร์
![]() |
![]() |
![]() |
– ภาพแรก สายพานภายในเครื่องจะใช้แรงดึงมาก ดังนั้นตัวเพลากลางมู่เล่ และตัวขับสายพานแต่ละช่วงต้องแข็งแรง นอกจากนี้เครื่องใหม่จะมีรอย Mark ตามหัวน๊อตต่างๆเพื่อให้เห็นว่าไม่ใช่เครื่องย้อมแมวหรือนำอะไหล่อื่นมา ประกอบ
– ภาพที่ 2 และ 3 เป็นส่วนของฮีตเตอร์ความร้อนที่มีฝาครอบ วอลลุ่มความร้อนควรปรับระดับความร้อนได้ สายฮีตเตอร์ถ้าเกรดดีจะทนมาก ส่วนตัวโซลินอยด์ รอย Mark สีแดง เครื่องรัดใต้หวันจะเป็น 220 V เพราะจะทำให้แรงกดและแรงดึงสูง ส่วนเครื่องจีนบางรุ่นจะใช้แบบ 24 V เท่านั้น
ใบมีดและบล็อก

ภาพนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงใบมีดของเครื่องรัดสายรัด ซึ่งมีใบมีดอยู่ 3 ชิ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากอีกปัจจัยหนึ่ง สายรัดจะตัดขาดง่ายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับส่วนนี้ เครื่องญี่ปุ่นและใต้หวันจะมีใบมีดที่แข็งแรงมาก เหล็กจะผลิตจากเหล็กน้ำมันชุบแข็งเกรดดี มีความทนทาน เพราะต้องมีการกระแทกขึ้นลงเพื่อตัดตลอดเวลา นอกจากนี้บล็อกใบมีควรเป็นเหล็กหล่อ ซึ่งจะมีความทนทานกว่าบล็อกอลูมิเนียม ที่อาจหลวมคลอนได้ง่ายเมื่อใช้ไปนานๆ
ระบบไฟ และแผงวงจร
|
ระบบไฟและแผงวงจรและระบบไฟควรมีการแยกทำงานกันอย่างอิสระ หมายความว่าแต่ละจุดในแผงวงจรสามารถแยกการทำงานออกเป็นส่วนๆ เพื่อไปสั่งการทำงานในกลไกต่างๆของเครื่องรัดสายรัด การแยกอย่างอิสระนี้จะทำให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุงรักษา แต่ในระบบการทำงานของเครื่องรัดจากจีนหลายรุ่นจะใช้ระบบแผงวงจรแบบรวม ซึ่งสุดท้ายเมื่อเสียและนำมาซ่อมก็ต้องแปลงให้เป็นระบบแผงวงจรแบบแยกอิสระ อยู่ดี |
อธิบายภาพ
![]() |
![]() |
![]() |
ภาพ แรกและภาพที่ 2 เป็นแผงวงจรเครื่องรัดใต้หวัน ส่วนภาพสุดท้ายเป็นแผงวงจรเครื่องญี่ปุ่น ซึ่งในส่วนของล็อคเก็ตที่เสียบจะแยกเป็นส่วนๆอย่างชัดเจน เช่นภาพแรกชุดรีเลย์หนึ่งจะทำงานเกี่ยวกับมอเตอร์ ครัช ส่วนตัวอื่นก็แยกทำงานอาจจะหน่วงเวลาในการซีลสายรัด เป็นต้น
![]() |
![]() |
ภาพบนทั้ง 2 ภาพ เป็นแผงวงจรเครื่องจีน ภาพแรกเป็นเครื่องรัดระบบเซนเซอร์ คือใช้ระบบเซนเซอร์แทนคานโอริง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องสายโอริงขาด แต่ระบบเซนเซอร์ก็เสียได้ง่ายเหมือนกัน ระบบนี้มีเห็นในเครื่องใต้หวันบางรุ่นด้วยแต่จะทนทานกว่า ส่วนภาพ 2 เป็นเครื่องรัดจีนระบบคานโอริง จะเป็นสล๊อตแบบเสียบ ระบบนี้ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือเมื่อใช้ไปนานๆ ช่องเสียบสล๊อตมักจะขยายตัวออก
4. วัตถุประสงค์ของการใช้งานเครื่องรัด
|
– พิจารณาจากลักษณะการใช้งานของลูกค้า สินค้าที่ต้องการรัด ระยะเวลาในการใช้งานต่อวัน สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ถ้าต้องการรัดสินค้าเพียงเล็กน้อยต่อวัน เครื่องรัดจากจีนก็พอใช้งานได้ ยกเว้นลูกค้ามีการใช้งานมากพอสมควร – สถานที่ทำงานของลูกค้าอยู่ใกลจากผู้ขายมากน้อยเพียงใด กรณีที่ลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด ขอแนะนำว่าอย่างน้อยสุดควรซื้อเครื่องรัดจากใต้หวันน่าจะดีกว่า เพราะการใช้เครื่องรัดราคาถูกถ้ามีการเสียระหว่างการใช้งาน การบริการที่จะเรียกช่างไปซ่อมบำรุงน่าจะลำบากพอสมควร |
5. การรับประกันสินค้า
– ให้พิจารณาว่าเครื่องรัดที่ซื้อรับประกันนานเท่าไร แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ประมาณ 1 ปี ยกเว้นเครื่องรัดจากจีนที่ราคาถูกมาก อาจมีระยะเวลารับประกันสั้นกว่านั้น
– อุปกรณ์และกลไกทุกชิ้นของเครื่องรัดมีเปลี่ยนให้หรือไม่ หลายแห่งที่การซ่อมบำรุงไม่คืบหน้าเนื่องจากต้องรอการสั่งอะไหล่หรืออุปกรณ์ จากต่างประเทศ
ข้อพิจารณา 5 ข้อเบื้องต้นจึงเป็นเพียงแนวทางคร่าวๆ สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อเครื่องรัดสายรัดพลาสติกมาใช้ในที่ทำงานเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด















